หากกล่าวถึง
คำว่า “ม่าน” และ “ผ้าม่าน” หลายคนมองว่ามีนิยามและความหมายเหมือนกัน
แต่แท้จริงแล้วแตกต่างกัน วันนี้เราจึงจะมาบอกนิยามความหมายของคำว่า “ม่าน”
และ “ผ้าม่าน” เพื่อไขข้อข้องใจให้กับพวกเพื่อนๆ ว่าแตกต่างกันอย่างไร
ม่าน (Blinds)
คือ
วัสดุที่ใช้สำหรับบังสายตา วัตถุประสงค์ที่ใช้อาจแตกต่างกัน อาทิเช่น
เพื่อความเป็นส่วนตัว ป้องกันแสงแดด ป้องกันความร้อน
ตลอดจนการตกแต่งเพื่อความสวยงาม โดยม่านก็มีหลากหลายประเภท
อาทิ ม่านม้วน ( Roller Blinds ), ม่านปรับแสง ( Vertical Blinds ), ม่านพาเนลแทรค ( Parnel Track ) , มู่ลี่ไม้ ( Wood Blinds ) และมู่ลี่อลูมิเนียม ( Venetian Blinds ) เป็นต้น
ผ้าม่าน (Curtain)
จะหมายถึง
การเลือกสรรผ้ามาตัดเย็บประกอบเป็นผืนผ้าเพื่อป้องกันแสงแดด พรางตา
สร้างความเป็นส่วนตัว และเสริมตกแต่งความสวยงามอ่อนหวานให้กับหน้าต่าง
หรือใช้เพื่อจุดประสงค์พิเศษ เช่น การป้องกันแสงสะท้อน ฯลฯ
โดยผ้าม่านก็มีหลากหลายประเภท อาทิ ผ้าม่านจีบ (Pleated Curtains) , ผ้าม่านหลุยส์ (Louise Curtains) , ผ้าม่านห่วงตาไก่ (Eyelet Curtains), ผ้าม่านพับ (Roman Blinds) และ ผ้าม่านลอน (Wave Curtains) เป็นต้น
ผ้าที่นำมาใช้ทำผ้าม่าน
หลักๆ
จะมีอยู่ 3 ประเภท คือ ผ้าม่าน Dimout , ผ้าม่านกันแสง (Blackout) และ
ผ้าม่านโปร่ง (Sheer Fabric) ซึ่งเพื่อนๆ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม
พร้อมผ้าม่านแต่ละชนิดได้ที่นี่เลยค่ะ ต่างกันอย่างไร! 7 ประเภทผ้าม่าน ในแต่ละแบบ
สำหรับประโยชน์ของผ้าม่านนั้น
ในหลาย ๆ ความคิดของแต่ละคน ผ้าม่านอาจจะไม่มีความจำเป็นซักเท่าไร
แต่ทว่าความจริงแล้ว ผ้าม่านยังแฝงคุณประโยชน์ที่ถูกมองข้ามไว้
นอกเหนือจากหน้าที่การกรองแสงสว่างที่ส่องกระทบภายในห้อง
หรือเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ซึ่งปัจจุบัน
ผ้าม่านถือเป็นของตกแต่งบ้านชิ้นหนึ่ง ที่ทำให้บ้านดูสวยงาม
มีองค์ประกอบที่ครบ ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น
เพื่อนๆสามารถติดตาม ข่าวสารเทคนิคการตกแต่งบ้าน เพิ่มเติมได้ที่ Decoration Tip คลิก!! หรือติดตามชมผ่านเว็บไซต์ ไอเดียแต่งบ้าน ได้เช่นกัน และถ้าหากหาของแต่งบ้านเจ๋งๆ เปิดเลย Decor Bazaar
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น