การขายสินค้า
กับ “โปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม” ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด
ถือเป็นสิ่งที่มักจะมาคู่กันอยู่เสมอมานมนาน
เพราะเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีเป้าหมายหลักเพื่อดึงดูดความสนใจ
และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อของกลุ่มเป้าหมายหรือคนซื้อ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่ามีร้านค้าส่วนใหญ่
ไม่ว่าจะเป็น “ร้านเก่าที่มีหน้าร้านจริง และร้านใหม่ที่เกิดขึ้นมาแสนง่าย
ซึ่งมีหน้าร้านตกแต่งอย่างสวยงามทางเว็บฯ และ Facebook ในยุคโซเชียลฯ บูม”
ต่างก็ชื่นชอบและใช้กลยุทธ์นี้ในการสร้างยอดขาย
ซึ่งแน่นอนหากหลงเชื่อโดยที่ไม่ได้เช็ค ตรวจสอบ และสอบถามข้อมูล
เราอาจจะหลงซื้อสินค้า หรือบริการ ที่มีคุณภาพ หรือสเปคไม่ตรงกับที่ต้องการ
อันเกิดจากความเข้าใจผิด ซึ่งก็ไม่แน่ว่า เป็นเจตนาโดยตรงของผู้ขายหรือไม่
ทั้งนี้ก่อนที่จะทำการซื้อสินค้า
โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงอย่าง การตกแต่งบ้าน ต่อเติมบ้าน
การทำบิ้วท์อิน ผ้าม่าน มุ้งลวด เหล็กดัด หลังคา ฯลฯ
ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของร้านให้ละเอียด อาทิ
ความน่าเชื่อถือจากมุมมองของคนที่เคยใช้และชื่อเสียงในตลาด
เพื่อป้องกันการถูกหลอกหรือทำให้เกิดความเสียหายในเวลาต่อมา
ที่มีให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น ผู้รับเหมาที่ทิ้งงาน
ไม่รับผิดชอบงาน ซึ่งการเลือกผู้รับเหมาที่ดีนั้น ก็ไม่ยากอย่างที่คิด
โดยสามารถดูได้ที่นี่ >>> การเลือกผู้รับเหมา ตกแต่งบ้านอย่างไร … “ไม่ให้เจ็บ” ซึ่งวิธีการเลือกนั้น ก็สามารถนำมาปรับใช้กับการเลือกซื้อสินค้าประเภทอื่นๆ ได้เช่นกัน
“มูลค่ายิ่งสูง
ความชอกช้ำยิ่งมาก” … เรามาดูเทคนิคในการตรวจสอบ “โปรโมชั่น” ที่ดีจริงๆ
กันบ้าง เพื่อเลี่ยงการซื้อที่จะทำให้เรา “ช้ำ” …
ถูกจริงหรือถูกหลอก?….เช็คให้ชัวร์
สำหรับการเลือกซื้อสินค้าที่มีการลดราคา
หรือจัดโปรโมชั่นนั้น
ควรมีการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนทำการซื้อเพื่อป้องกันการถูกหลอก
ซึ่งก็มีวิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบดังนี้
1.ศึกษาข้อมูลสินค้า
สำหรับสินค้าที่มีราคาสูง
การศึกษาข้อมูลถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก
ซึ่งจะทำให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสินค้านั้นๆ อย่างชัดเจน
เพราะอาจมีการลดคุณภาพสินค้า ลดวัสดุที่ควรมี
เพื่อให้ได้ในราคาที่ถูกลงหรือราคาโปรโมชั่น
รวมถึงสามารถนำข้อมูลไปเปรียบเทียบในการซื้อสินค้าที่ง่ายยิ่งขึ้น
อีกทั้งยังช่วยป้องกันการโดนหลอกได้อีกด้วย
- สินค้าตกรุ่น หรือเคลียร์สต๊อก สินค้าประเภทนี้ บางอย่างราคาถูกจริงๆ โดยเฉพาะสินค้า “ตกรุ่น ใกล้ (หมด) อายุ” อันนี้เราอาจจะต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่าง “เงินที่ประหยัดลง กับดวง” ที่เรามีควบคู่กัน ถ้าสินค้านั้นดูแล้วคุณภาพเป็นที่รับได้ในความเสี่ยง … ก็ลุยเลยค่ะ
- สินค้าลดตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะพบเห็นกี่ครั้ง ก็จะมีโปรโมชั่นให้เห็นกันตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีและไม่ดี ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของผู้ประกอบการร้านนั้นๆ เพราะบางร้านอาจมีการตั้งราคาที่สูงไว้อยู่แล้ว หรือไม่ขายสินค้าในราคาจริง ฉะนั้นเมื่อมีการจัดโปรโมชั่น จึงทำให้สินค้าดูมีราคาที่ถูกลง ทั้งๆ ที่ขายในราคาจริงหรือราคาปกติ ที่ควรจะเป็นนั้นเองค่ะ
2. ภาพที่โปรโมทตรงกับสินค้าหรือไม่
ถือเป็นสิ่งที่พบเจอกันอยู่บ่อยครั้ง
สำหรับภาพที่ใช้ไม่ตรงกับสินค้า
โดยภาพที่นำมาแสดงเป็นคนละแบบกับราคาที่ได้แจ้งไว้ อาทิ ขนาด ความสวยงาม
ที่ไม่ตรงกัน แต่หากลูกค้าต้องการสินค้าแบบในภาพ
อาจต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
บ้างก็มีเงื่อนไขเพิ่มเติม
หรือจริงๆ แล้วราคาที่ระบุอาจจะเป็น “ราคาเริ่มต้น”
ซึ่งไม่เกี่ยวกับภาพเลย ซึ่งมักจะมีเครื่องหมายกำกับเล็กๆ
พร้อมกับคำอธิบายที่เล็ก สุดๆ อยู่ด้านล่างของโฆษณา หรือโพส
แน่นอนเราอาจจะต้องใช้ความพยายามมากในการสังเกตุถึงจะเห็น
สำหรับโฆษณาในลักษณะภาพไม่ตรงกับเนื้อหาโฆษณา
โดยไม่มีรายละเอียดเงื่อนไขที่ชัดเจนกำกับ ถือเป็นการโฆษณาเกินจริง
ผิดกฎหมาย เพื่อนๆ สามารถร้องเรียงได้ที่
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โทร. 1166
3. ตรวจสอบคุณภาพสินค้า
การลดคุณภาพสินค้า
เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ทำให้ได้ราคาสินค้าถูกลง
ซึ่งส่งผลทำให้สินค้ามีอายุการใช้งานสั้นลง
และอาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคในอนาคตได้
ซึ่งที่น่ากลัวที่สุด
คือ “สินค้าหน้าตา เหมือนกัน แต่วัสดุข้างในไม่เหมือนกัน”
เพราะผลิตเป็นของแถม หรือสเปคพิเศษ ผลิตตามราคาคนซื้อตามล็อต
และน่ากลัวที่สุดคือ สินค้าเก่าเก็บหมดอายุ … อันนี้มีจริง !
- คุณภาพ สินค้าแทบทุกประเภท มักจะมีให้เลือกคุณภาพหรือเกรดของสินค้า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสตัดสินใจในการเลือกซื้อที่มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเลือกคุณภาพให้เหมาะกับการใช้งาน อีกทั้งคุณภาพของสินค้านั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ชี้วัดในเรื่องของราคาอีกด้วย
- วัสดุ สำหรับในส่วนของวัสดุ ก็มีให้เลือกหลากหลายเกรดเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การทอผ้า การพิจารณาเพียงแค่ชนิดหรือประเภทของผ้าเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะในรายละเอียดการผลิตยังคงมีเรื่องของความถี่ในการทอ ความหนาของผ้า จำนวนชั้นของการทอ รวมถึงขั้นตอนในการทอ
ทั้งนั้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสินค้านั้นๆ
ฉะนั้นในการซื้อสินค้าราคาสูง ที่คาดหวังอายุการใช้งานที่นาน
เราควรมีการศึกษาว่าวัสดุที่นำมาทำนั้น เป็นวัสดุชนิดใด
มีความคงทนแข็งแรงมากเพียงใด และแบบไหน
- ขนาด เพียงแค่มองภายนอกก็พอจะทราบกันได้ ถึงขนาดของสินค้า เล็กกว่า ใหญ่กว่า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดูง่ายที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ข้อด้านบน เพราะเราสามารถเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนระหว่างสเกลของสินค้ากับวัตถุรอบข้างในภาพประกอบโปรโมชั่นได้
4. รายละเอียดสินค้าที่จะได้รับ
ควรมีการตรวจสอบให้ชัดเจน
ถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับสินค้าที่จะได้รับว่าเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง
ขนาด สเปคสินค้า หรือ มีการตัดอะไรออกไปหรือไม่ อาทิ
อุปกรณ์ไม่ครบหรือมีการตัดอุปกรณ์บางอย่างออกไป
ซึ่งถือเป็นวิธีการลดราคาอีกรูปแบบหนึ่ง
แต่หากต้องการอุปกรณ์ที่ครบนั้น
จะต้องมีการซื้อเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อรวมราคาทั้งหมดแล้ว ก็อาจจะไม่แตกต่าง
หรืออาจจะแพงกว่าราคาปกติที่ไม่มีโปรโมชั่นเลยก็ว่าได้ค่ะ
5. ความน่าเชื่อถือของร้าน
สำหรับในข้อนี้
ถือเป็นข้อที่ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
เพราะความน่าเชื่อถือของทางร้านถือเป็นสิ่งที่สำคัญ
ที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความอุ่นใจและความไว้วางใจที่จะเลือกใช้บริการ
- แบรนด์ หรือตราสินค้า สิ่งที่สะท้อนถึงประวัติความเป็นมา ชื่อเสียงความน่าเชื่อถือที่บริษัท หรือเจ้าของผลิตภัณฑ์สร้าง สั่งสมมาเป็นระยะเวลานานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจ
แน่นอนสิ่งนี้จะสะท้อนถึงสิ่งที่ผู้ให้บริการหรือผู้ขายที่ดีมีจรรยาบรรณต้องรักษาไว้ เพราะถือเป็นพันธสัญญาต่อสิ่งที่ประชาสัมพันธ์หรือสื่อสารออกไปต่อกลุ่มคนซื้อ และมันคือความรับผิดชอบสำคัญเลยหล่ะ ที่จะทำให้บริษัทดำรงอยู่ต่อไป
- หน้าร้าน ถือเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดี หากสินค้าเกิดความเสียหาย ก็สามารถติดต่อขอปรับเปลี่ยน ร้องเรียนได้ง่ายขึ้น ยิ่งหากร้านใดมีการรับประกันสินค้าด้วยนั้น ก็จะส่งผลดีต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้นไปอีก
ทั้งนี้การมาดูสินค้าหน้าร้านนั้น
จะทำให้ได้สัมผัสสินค้า และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ถึงคุณสมบัติต่างๆ
ว่าเป็นไปตามที่ได้มีการแจ้งไว้ในโปรโมชั่นหรือไม่
หากไม่เป็นไปตามที่แจ้งก็สามารถทักท้วงหรือสอบถามได้ง่ายขึ้นค่ะ
- มีบริการเลือกชมสินค้าที่บ้าน เป็นวิธีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า จึงทำให้ง่ายต่อการเลือกซื้อ ซึ่งวิธีนี้ก็ทำให้ทราบได้เช่นกันว่าโปรโมชั่นที่แจ้งไว้ ตรงกับสินค้าหรือไม่ ด้วยวิธีการสัมผัสสินค้า และมีการได้เห็นหน้าเห็นตากันจริงๆ
6. ช่องทางการติดต่อ
ช่องทางการสื่อสารในปัจจุบันนั้น
มีให้เลือกหลากหลายช่องทาง เพื่อให้ง่ายต่อการสื่อสาร
จึงทำให้การสอบถามข้อมูลต่างๆ นั้นง่ายยิ่งขึ้น
ทั้งนี้การเลือกช่องทางการสื่อสารก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะมีทั้งข้อดี
ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
- ออนไลน์ สำหรับช่องทางนี้ถือเป็นช่องทางที่ใช้กันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Line ซึ่งสร้างความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยข้อดีของช่องทางนี้นั้น เพื่อนๆสามารถส่งรูปภาพของสินค้าที่ต้องการได้
อีกทั้งยังมีหลักฐานในการพูดคุยกัน
หากสินค้าไม่เป็นไปตามที่ได้คุยกันไว้
สำหรับข้อเสียอาจมีการสอบถามที่ไม่ละเอียดมากเท่าไหร่
เนื่องจากต้องใช้วิธีการพิมพ์โต้ตอบกันนั้นเองค่ะ
- โทรศัพท์ ถือเป็นวิธีอันดับต้นๆ ที่เลือกทำ สำหรับการโทรศัพท์ไปยังร้านนั้นๆ เพื่อสอบถามรายละเอียดของสินค้า ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ได้ข้อมูลที่ค่อนข้างละเอียด เพราะเป็นการสื่อสารที่ง่าย
แต่ข้อเสียคือ
ไม่มีหลักฐานเพื่อใช้ยืนยันในสิ่งที่ได้ตกลงกันไว้
นอกเสียจากการบันทึกเสียง ซึ่งนั้นก็เป็นวิธีที่ไม่ค่อยมีใครทำ
เนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นนั้นเองค่ะ
7. การบริการจัดส่ง และ การติดตั้ง
สำหรับสินค้าที่มีขนาดใหญ่
ที่ต้องใช้บริการ การจัดส่งสินค้า หรือ
ประเภทสินค้าที่ต้องมีการติดตั้งจากทางร้าน
ควรสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนในเรื่องของค่าใช้จ่าย
ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มหรือไม่
รวมไปถึงการรับประกันสินค้าในการจัดส่ง หรือ ติดตั้ง
ในกรณีที่เกิดความเสียหาย เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคนั้นเองค่ะ
8. การรับประกันสินค้า
ถือเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
โดยเฉพาะสินค้าที่มีราคาสูง เพราะหากสินค้าได้รับความเสียหาย
จะได้มีการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนสินค้าได้อย่างถูกต้องและโดยตรงจากบริษัทที่ได้ทำการซื้อมา
อีกทั้งยังสื่อให้เห็นถึงการบริการที่ดีอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ก็ควรมีการศึกษาด้านบริการหรือการรับประกันสินค้าของบริษัทนั้นๆ
ว่ามีมานานเท่าไหร่ และ มีการบริการด้านนี้ตลอดหรือไม่
เพื่อป้องกันการถูกหลอกในเรื่องการรับประกันสินค้านั้นเองค่ะ
ในการเลือกซื้อสินค้าไม่เพียงดูแค่โปรโมชั่นเท่านั้น
แต่ควรคำนึงถึงในเรื่องของคุณภาพด้วยเช่นกัน
ว่ามีความสมเหตุสมผลกับสิ่งที่ได้หรือไม่ เพราะหากมีการเลือกสินค้าที่ดี
มีคุณภาพก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของสินค้า
ทำให้ไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่บ่อยครั้ง
ท้ายสุดคงจะตอบไม่ได้ว่าสินค้าโปรโมชั่นทั้งหลายนั้นจะดี
ถูกจริงๆ หรือไม่ เพราะเราต้องชั่งน้ำหนักว่าสินค้าที่เราต้องการนั้น
เราต้องการอะไร ?
แน่นอนจากการศึกษาข้อมูลสินค้า
และบริการข้างต้น อาจจะช่วยเราได้มากขึ้น
เข้าใจถึงปัจจัยที่ทำให้สินค้านั้นราคาถูก “แต่” อาจจะได้อะไรที่ขาดไปบ้าง
ที่อาจจะไม่สำคัญ รวมถึงอายุการใช้งานที่อาจจะน้อยลง มันสมควร
หรือคุ้มค่ากับ “งบประมาณ” ที่สมควรจ่ายหรือไม่ ?
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อหรือผู้บริโภคที่เป็นผู้ตัดสินใจค่ะ
เพื่อนๆสามารถติดตาม ข่าวสารเทคนิคการตกแต่งบ้าน เพิ่มเติมได้ที่ Decoration Tip คลิก!! หรือติดตามชมผ่านเว็บไซต์ ไอเดียแต่งบ้าน ได้เช่นกัน และถ้าหากหาของแต่งบ้านเจ๋งๆ เปิดเลย Decor Bazaar
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น